ผัดกะเพรา เมนูคู่คนไทย ตำนานที่เดินทางมาไกลถึง 300 ปี
ผัดกะเพรา เมนูคู่คนไทย ตำนานที่เดินทางมาไกลถึง 300 ปี
เมื่อพูดถึงความเป็นไทย ใครหลายๆคนอาจจะนึกถึง วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต รวมไปถึงวิธีการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆอย่างละเมียดละไม แม้เวลาจะผ่านไปไกลเท่าไหร่ คุณค่าของความเป็นไทยก็ยังคงถูกกล่าวไม่เคยเปลี่ยนแปลงและแน่นอน อาหาร ก็ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นอยู่ในดินแดนนั้นได้ โดยสำหรับคนไทย เมนูอาหารที่ดูเหมือนรังสรรค์ได้ง่าย แต่เปรียบดั่งบทกลอนอันคมคาย แต่ยังเข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ทุกชนชั้น อาหารจานนั้นก็ต้องเป็น ผัดกะเพรา
เมนูอาหารที่ถูกขัดเกลาในกรรมวิธีอย่างละเมียดละไม ทุกคำที่ลองลิ้มเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้คนไทยเบื่อได้เลย แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง 300 ปีแล้วก็ตาม โดยที่เราเองก็ยังคงไม่นึกถึงความเป็นมาของอาหารเมนูนี้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวในประเทศไทยและสายตาชาวโลกมาเนิ่นนานหลายชั่วอายุคน ดังนั้นเพื่อการอนุรักษ์อาหารที่ทรงคุณค่าจานนี้่ ทีมงานของเราขอนำเสนอข้อมูลของ ผัดกะเพรา ที่เราอาจจะไม่ทราบสำหรับผัดกะเพรา อาหารที่ดูราบเรียบ..แต่เฉียบคมด้วยรสชาติ
ประวัติศาสตร์ของกะเพรา ที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน
กว่าจะมาเป็น เมนูกะเพรา อาหารที่คนไทยเราต่างรับประทานกันอย่างแพร่หลาย เมนูนี้เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 7 เมื่อคนจีนท่านหนึ่งได้เริ่มนำเสนออาหารจานเด็ดที่คล้ายคลึงกัน มาขายประชาชนทั่วไปในแดนสยาม แม้ตอนแรกไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่อีกไม่นานมากผัดกะเพรา ก็ได้เริ่มต้นการเดินทางร่วมกับคนไทยมาจน เริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายและชัดเชนในตัวตนช่วงปี 2500
ด้วยการที่เริ่มมีการประลองสูตรอาหาร จากสูตรคนจีนที่เก่าแก่และดั้งเดิม เพียงแค่ใช้เต้าเจี้ยวดำผัดกระเทียมจนหอมกรุ่น พร้อมใส่เนื้อสับหรือไก่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ผัดเข้ากับซีอิ๊วดำและน้ำปลา หรือบ้างก็บอกว่าสูตรเดิมเริ่มมาจากเนื้อผัดใบยี่หร่า จนอาหารทรงคุณค่าได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการนำใบกะเพรามาผัดคลุกเคล้าแทน เกิดเป็นกลิ่นและรสชาติที่หอมอร่อยเกินแสนจะบรรยาย
และนอกจากนี้ นอกจากผัดกะเพราที่เป็นอาหารจานเด็ด ตัวใบกะเพราเองก็มีประวัติศาสตร์ร่วมกับคนไทยในด้านต่าง ๆ เช่น ศาสนาและการแพทย์ โดยหากพิจารณาจากหลักฐานจดหมายเหตุของมองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ ในปีพุทธศักราช 2230 ได้กล่าวถึงใบกะเพรา ว่าเป็น ผักลางชนิดที่มีกลิ่นดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของพืชชนิดนี้ มีข้อสันนิษฐานว่า ต้นกะเพราอาจถูกนำเข้ามาจากศาสนาพราหมณ์ เนื่องจากพราหมณ์นิยมใช้กะเพราในการบูชาเทพเจ้าและจากการบันทึกของหมอบรัดเล ในปีพุทธศักราช 2416 ได้ระบุความหมายของกะเพราว่า ผักอย่างหนึ่ง ต้นเล็ก ๆ ใบมีกลิ่นหอม ใช้แกงกินบ้าง ทำยาบ้าง ทำให้เราสัมผัสถึงคุณค่าของกะเพราที่มีมาอย่างยาวนาน
ใบกะเพราคือพืชมหัศจรรย์ที่สรรค์สร้างประโยชน์อย่างมากมายไม่ใช่เพียงเรื่องอาหาร
ใบกะเพรานอกจากจะเป็นวัตถุดิบสำคัญในการปรุงอาหารจานผัดกะเพราแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ที่น่าทึ่งอีกมากมาย โดยเฉพาะในแง่ของการแพทย์และการบำรุงสุขภาพ เริ่มจากคุณสมบัติทางสมุนไพร ใบกะเพรามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการเกิดโรค นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ อีกทั้งยังมีการนำใบกะเพรามาทำเป็นน้ำดื่มหรือชาสมุนไพร เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและช่วยระบบย่อยอาหาร ไม่เพียงแค่นั้น ใบกะเพรายังมีคุณสมบัติในการไล่แมลงและสัตว์รบกวน เนื่องจากกลิ่นหอมที่เฉพาะเจาะจงทำให้มันเป็นตัวช่วยธรรมชาติในการป้องกันแมลงในสวน
ในด้านความงาม ใบกะเพรายังมีการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยมีคุณสมบัติช่วยลดสิวและการอักเสบของผิวหนัง จึงสามารถใช้เป็นส่วนผสมในครีมหรือมาสก์หน้าได้ ด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลายเหล่านี้ ใบกะเพราจึงไม่เพียงเป็นพืชที่เราคุ้นเคยในครัวเรือน แต่ยังเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลายด้าน ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรู้และภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพและชีวิตประจำวันของคนไทย
300 ปีที่ผ่านมาของผัดกะเพรา สู่จานอาหารที่เราต้องรักษาคุณค่าไว้
การที่เรายังมีใบกะเพราให้ใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน เป็นความโชคดีที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ความรู้เกี่ยวกับการปลูกและการใช้ประโยชน์จากกะเพราจึงควรถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าใจคุณค่าและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยั่งยืน เพราะ 300 กว่าปีที่ผ่านมา นอกจากเมนูผัดกะเพราที่คนไทยเราทุกคนได้ลิ้มลองความอร่อยอย่างมากมาย คงจะน่าเสียดายหากพืชที่ทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างนี้ ไม่ถูกส่งต่อให้เห็นความสำคัญ
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรักษาคุณค่าของกะเพราจึงไม่เพียงแค่การนำมาใช้ในอาหาร แต่ยังเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้านและการปลูกพืชอย่างยั่งยืน ควรร่วมมือกันในการส่งเสริมการปลูกกะเพราในครัวเรือนและชุมชน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงประโยชน์ที่หลากหลายได้ การให้ความสำคัญกับกะเพราและการอนุรักษ์ ถือเป็นการส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าไปยังคนรุ่นถัดไป เป็นการสืบสานความรู้เกี่ยวกับพืชที่มีคุณค่าทางอาหารและสุขภาพ สืบต่อไป การอนุรักษ์กะเพราในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่เพียงการบริโภคเมนูผัดกะเพรา แต่ยังเป็นการส่งเสริมคุณค่าของธรรมชาติและการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย การปลูกและดูแลกะเพราจึงเสมือนการปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีค่าให้คงอยู่คู่บ้านคู่เมือง
"Phat KAPHRAO World Champ" ร้านผัดกะเพราระดับโลก พร้อมมอบความอร่อยระดับแชมป์แล้ววันนี้ที่ศูนย์สิริกิต
เมื่อหลายๆท่านได้รู้จักกับประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของผัดกะเพรา รวมถึงใบกะเพราที่นอกจากจะสามารถสร้างประโยชน์อย่างมากมายมาช้านาน วันนี้ร้านอาหาร Phat KAPHRAO World Champ ได้เปิดให้ทุกคนมาสัมผัสกับประสบการณ์การกินผัดกะเพราระดับแชมป์โลกแล้ว
เพราะด้วย 300 ปีที่ผ่านมา ผัดกะเพราคือเมนูที่ครองใจคนไทยตลอดมา แต่วันนี้เราคือร้านกะเพราที่มีสูตรและกรรมวิธีที่ชนะการแข่งขันระดับแชมป์โลก การรังสรรค์และสร้างมาตรฐานผัดกะเพราที่ไม่เหมือนใคร แม้หลายๆท่านอาจจะเคยทาน ร้านผัดกะเพราใกล้ฉันมาหลากหลายที่ แต่หากจะทานกะเพราระดับโลก มีเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
ร้านกะเพรา "Phat KAPHRAO World Champ" ตั้งอยู่ที่ไหน สามารถติดต่อร้านได้อย่างไรบ้าง ?
ขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์การกิน ผัดกะเพรา ที่ไม่หมือนใคร
ที่ร้านอาหารศูนย์สิริกิติ์ของของเรา พบกับเมนูผัดกะเพราที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ได้ที่
60 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, ชั้น LG, ห้องเลขที่ LG00U025, เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 - 20.00 น. รับออเดอร์จนถึง 19.30 น.
หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่หมายเลข: 098-919-2291
(หมายเหตุ เนื้อความบางส่วนในบทความ ได้มีการสรุปข้อมูลมาประกอบจากเว็บไซต์ www.naewna.com )